การเคลื่อนไหวที่ตอบสนองเนื่องจากเเรงดันเต่ง
เมื่อเซลล์พืชดูดน้ำเข้าไปเซลล์จะเต่งขึ้น
เพราะเกิดแรงดันเต่ง ทำให้พืชกางใบออกได้เต็มที่
แต่ถ้าเสียน้ำไปใบจะเหี่ยวหรือเฉาลง
การเคลื่อนไหวหรือตอบสนองนี้เกี่ยวข้องกับแรงดันเต่งที่เปลี่ยนแปลงซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืชการเคลื่อนไหวหรือตอบสนองแบบนี้แบ่งเป็น
1.การตอบสนองเนื่องจากการสัมผัส
ปกติพืชจะตอบสนองต่อการสัมผัสได้ช้ามาก แต่มีพืชบางชนิดที่สามารคตอบสนอง ต่อการสัมผัสได้รวดเร็วแต่ไม่ถาวร เช่น การหุบ และกางของใบไมยราบ นอกจากนี้ใบไมยราบยังมีความไวต่อสิ่งเร้าสูงมาก เพียงใช้มือแตะเบาๆที่ใบ ใบจะหุบเข้าทันที การหุบของใบอย่างรวดเร็ว เนื่องจากที่โคนก้านใบและโคนก้านใบย่อยมีกลุ่มเซลล์พัลไวนัส ซึ่งเป็นเซลล์ขนาดใหญ่และผนังบางมีความไวสูงต่อสิ่งเร้าที่มากระตุ้น ทำให้แรงดันเต่งในเซลล์พัลไวนัสลดลงอย่างรวดเร็วเซลล์จะสูญเสียน้ำให้แก่เซลล์ข้างเคียงใบจึงหุบลงทันที หลังจากนันทิ้งไว้สักครู่หนึ่งน้ำจากเซลล์ข้างเคียงจะแพร่เข้ามาในเซลล์พัลไวนัสใหม่ทำให้แรงดันเต่งเพิ่มขึ้นเซลล์เต่งขึ้น และกางใบออกตามเดิม
2.การเคลื่อนไหวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงความเข้มของแสงหรือการนอนหลับ
พืชตระกูลถั่ว
เช่น ก้ามปู กระถิน แค มะขาม จามจุรี ไมยราบ ผักระเฉด ใบจะหุบในตอนเย็นหรือพลบค่ำ
ที่เรียกว่า ต้นไม้นอน และจะกางใบออกตอนรุ่งเช้า เมื่อมีแสงสว่าง
การเคลื่อนไหวแบบนี้
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงแรงดันเต่งของกลุ่มเซลล์พัลไวนัสทางด้านบน
และทางด้านล่างของโคนก้านใบย่อยเช่นเดียวกับต้นไมยราบเมื่อถูกสัมผัส
3.การเคลื่อนไหวเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำภายในเซลล์คุมหรือการเคลื่อนไหวของเซลล์คุม
การเคลื่อนไหวของเซลล์คุม
เป็นการปิดเปิดปากใบหรือรูใบเนื่องจากการที่น้ำแพร่เข้าไปในเซลล์คุมเพิ่มขึ้น
ดันให้เซลล์คุมพองออกหรือในทางตรงกันข้าม ถ้าเซลล์คุมสูญเสียน้ำไปแรงดันเต่งลดลง
เซลล์คุมจะหดตัวทำให้ปากใบปิด การเคลื่อนไหวของเซลล์คุม
จึงมีผลทำให้ปากใบของพืชปิดหรือเปิดได้
การเคลื่อนไหวเเบบนาสติก
การเคลื่อนแบบนาสติก (Nastic movement) การบานของดอกไม้ การคลี่บานของใบหุ้มตาอ่อน เนื่องจากสิ่งเร้าภายนอกมากระตุ้น ได้แก่ การบานเนื่องจากแสงเป็นสิ่งกระตุ้นเรียกว่า โฟโตนาสตี้ (Photonasty) การบานเนื่องจากอุณหภูมิเป็นสิ่งกระตุ้น เรียกว่า(Thermonasty)การตอบสนองแบบนาสติกจะเห็นว่าทิศทางการตอบสนองไม่ขึ้นกับทิศทางของสิ่งเร้าการที่ดอกไม้บานได้นั้นเนื่องจากกลุ่มเซลล์ด้านในของกลีบดอกขยายขนาดมากกว่าด้านนอกจะทำให้ดอกไม้บาน (Epinasty) ในกรณีของดอกไม้หุบนั้น จะเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มเซลล์ด้านนอกขยายมากกว่าด้านในจะทำให้ดอกไม้หุบ(Hyponasty)
.jpg)


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น